เรื่องมีอยู่ว่า จากที่เคยใช้สาย USB เสียบ sync กล้องกับคอมด้วยโปรแกรม LR แล้ว ก็อย่างที่บอกครับ ไฟดูดเป็นปัญหาใหญ่ ไม่ใช่แค่กังวัลเรื่องไฟจะดูดตายนะครับ(มันไม่แรงขนาดนั้น) แต่เป็นห่วงกล้องนี่สิ ไฟรั่วแบบนั้นกล้องต้องได้รับอานิสงค์ไปด้วยแน่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน เลยตัดใจซื้อ wifi SD card ซึ่งตอนที่ซื้อก็หาเจออยู่ยี่ห้อเดียว(ที่ขายในไทย) ก็คือ Eye-fi
ตอนที่ผมซื้อมี 2 รุ่น และ 2 ขนาด คือ Pro กับ ธรรมดา ข้อแตกต่างหลักๆคือ รุ่น Pro จะส่งไฟล์ RAW ได้ ขนาดตอนนั้นก็มี 4 GB และ 8 GB คนขายบอกให้คอย 16 GB กำลังจะมา...ผมรอไม่ไหวละ สอยแล้วล่ะ
ผมก็คงเหมือนกับท่านๆที่เข้ามาอ่านล่ะครับ กว่าจะซื้อได้ ก็มีคำถามมากมาย คุ้มไหม? ใช้งานได้จริงรึเปล่า? กินแบตรึเปล่า? ฯลฯ เพราะราคาค่าตัวก็ไม่ใช่น้อยๆ ตอนผมซื้อก็สามพันกว่า เหงื่อตกเหมือนกัน แต่ก็คิดในใจว่าคงลดขั้นตอนในการถ่ายไฟล์ไปลงคอมได้ไม่มากก็น้อยน่า....แต่ปัญหาก็เกิดอีก...
ผมซื้อมาโดยมีจุดประสงค์แรกคือใช้ในสตูฯ(จำเป็น)ที่ต้องถายภาพนักเรียนเป็นร้อยๆ พอใช้ไปสักพัก...ติดใจแฮะ...แต่อยากจะบอกว่าการส่งไฟล์ RAW เต็มไซส์นั้น ช้าเหลือจะเอ่ย แต่ก็นะ กว่านักเรียนหนึ่งคนจะผ่านกระบวนการกว่าจะได้ถ่ายจริงๆก็ตกคนละ 4 - 5 นาที ก็นานพอจะส่งไฟล์ทางไร้สายได้โดยไม่ต้องมาถอดการ์ดไปเสียบคอมตอนหลังละกัน
พอออกสนามก็อยากให้มีคอมติดตัวไปด้วย...ปรากฎว่า...มี APP ในสมารท์โฟนทั้งค่ายหุ่นเขียวและแอปเปิ้ลให้เลือกใช้...โอวววว...พระเจ้าจอร์จมันยอดมากกกก ถ่ายปุ๊ป ภาพไหลลง iPAD ปั๊ป แชร์ปุ๊ป! ไปสัมนา ทริปเที่ยวกับเพื่อนๆ Online กันทันที...สุดยอด!
วิธีการของเจ้าการ์ด Eye-fi นี้ก็คือ มั้นจะส่งสัญญาณ wifi ออกมาจากการ์ด โดยไม่ต้องพึ่งความพิเศษใดๆของกล้อง กล้องธรรมดาก็ใช้ได้ แต่พอดีเจ้า D7000 ของผมมันรู้จัก wifi SD ซะด้วย แต่ประโยชน์ที่ผมได้ใช้ก็คือ ดูได้ว่ามันกำลังส่งไฟล์อยู่หรือกำลังอึ้งอยู่...
วิธีใช้งานก็คือ ขั้นแรกต้องตั้งค่าการใช้งานก่อน ซึ่งก็มีอยู่หลายลักษณะพอสมควร ตั้งแต่จะให้ใช้ wifi อันไหน หรือจะโหมด Direct จะส่งเข้าคอมเครื่องไหน โทรศัพท์ หรือ แท๊ปเลตเครื่องไหน ส่งไฟล์อะไรบ้าง jpeg อย่างเดียว หรือ RAW หรือส่งทุกอย่างรวมทั้งไฟล์ VDO ด้วย..."-.-
ผมทำแบบนี้ครับ (คิดแล้วก็รู้สึกดีที่เลือกเจ้า D7000 ที่มี 2 แม็ก) ผมเอาSDการ์ดปกติใส่ไว้ช่องที่1 ตั้งค่ากล้องให้บันทึกไฟล์ RAW เอา Eye-fi ใส่ช่อง2 ตั้งให้บันทึกไฟล์ jpeg ก่อนจะเอา Eye-fi ไปใช้ ผมก็ตั้งค่าให้เป็น Direct mode ให้ส่งไฟล์แบบส่งเสร็จลบเลยไม่ต้องบันทึกลงการ์ด พอเสียบการ์ดเข้ากล้อง ก็จัดการเอา iPAD ติดตั้งแอพของ Eye-fi ที่มีให้โหลดได้ฟรีซะก่อน แล้วก็ทำโปรไฟล์ wifi ให้ต่อได้กับ Eye-fi พอต่อกันติดก็ ยิงๆๆๆๆๆแล้วก็ยิงๆๆๆๆๆ การ์ดธรรมดาช่องหนึ่งเต็มก็เปลี่ยนการ์ดอันใหม่ เจ้า Eye-fi ช่องสองไม่มีวันเต็ม เพราะตั้งค่าไว้ให้ส่งไฟล์เข้า iPAD แล้วลบเลย ... ผมเคยไปทริปหมดเมม 16 GB ไป 2 อัน 32 GB อีก 1 อัน อันละสองรอบ ผมไม่เคยถอด Eye-fi ออกจากกล้องซักกะที ยังได้อีกต่อคือ ผม sync อัลบั้ม camera roll ไว้กับ Google พอถึงบ้าน รูปที่อยู้ใน iPAD ก็ทยอย copy ไปลงใน google+ หรือ picasa หรือ iCloud หรือ อื่นที่เราชอบได้เองโดยไม่ต้องทำอะไรเลย...555+
...แต่เดี๋ยวก่อน...
ปัญหาที่พบคือ อย่างที่บอกครับ ไฟล์ RAW อืดสุดๆ ที่สำคัญ เผลอตั้งค่ากล้องผิดปล่อยไฟล์ RAW เข้า iPAD ได้ล่ะก็...หุหุ.. ส่งช้าไม่ว่า แอพของ Eye-fi เอง กลับเปิดภาพไฟล์ RAW ไม่ได้ เห็นแค่เป็น Thumbnail ที่เจ็บกว่านั้น ไฟล์ถูกแปลงเป็น TIFF โอนเข้า LR ก็มีปัญหาไม่น้อย แถมแอพดูไฟล์ RAW ก็หายาก หรือไม่ก็ แพงงงส์
ถามว่า Eye-fi กินแบตไหม...ขอตอบว่า พอสมควรเลยครับ แต่ก็ไม่ได้มากมายจนถึงกับจอดตั้งแต่หัววันเพราะแบตหมดแต่ประการใด จากการใช้งานจริง ผมถ่ายเรื่อยๆทั้งวัน ก็ใช้แบตประมาณ 2 ก้อน เพราะไฟล์ jpeg ส่งเร็ว ที่สำคัญจุดประสงค์ของผมคือใช้ไฟล์ jpeg แชร์ตาม social ดังนั้นผมจึงตั้งขนาดเป็น M เท่านั้น พอส่งเรียบร้อยมันก็จะสลีปละ และผมเองก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยมันส่งจนเสร็จ พอไม่ได้ถ่ายซักพัก เช่นขึ้นรถ ผมก็ปิดกล้อง พอช่วงที่เราลงเดินเปิดกล้องถ่าย การ์ดมันก็จะ"แอบ"ส่งไฟล์ไปเรื่อยๆ รู้อีกทีมันก็ส่งครบหมดแล้ว....ซำบายยยย...ช่วงอยู่บนรถก็เอารูปที่ iPAD ได้รับ แชร์ไปตาม social รับ like กันไปเต็ม...ก็เล่นแชร์กันซะเกือบจะ real time ขนาดนั้น กล้องอื่นภาพยังนอนอยู่ใน mem อยู่เลยยย...พี่น้องคร๊าบบบบ.....
สมครซื้อไหม?....ต้องพิจารณาความต้องการของแต่ละคนครับ อย่างผม iPAD ก็มีอยู่แล้ว ซื้อ eye-fi มาก็เพื่องานสตูฯ...แต่ช่วงว่างงานสตูจะเก็บไว้เฉยๆทำไมล่ะ....ได้ประโยชน์ในงานสตูเต็มๆครับ แต่ออกทริปเนี่ย ขำๆเอาสนุกกับเพื่อนฝูง เพราะผมไม่เห็นประโยชน์ที่เราจะซึือกล้องมาแล้วซื้อ Eye-fi อันเดียว หวังถ่ายแล้วโอนลง iPAD ... พระเจ้า iPAD มันก็มีเมมแค่ 16 32 64 128 GB พอๆกับเมมกล้องล่ะครับ เดี๋ยวจะต้องมาปวดหัวกับเปลี่ยน iPAD หรือ เมมในโทรศัพท์กันอีก... นอกจากแชร์โซเชี่ยลแบบ real time แล้ว ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นใดๆอีกนอกจากมองเห็นภาพใหญ่ๆชัดๆ ถ้าเป็นตากล้องถ่ายงานนอกสตูฯก็น่าจะมีประโยชน์ ผมเคยใช่ถ่ายงานรับปริญญาสองครั้ง น้องๆเขาถูกใจใหญ่ครับ กล้องเล็กที่น้องเขาเอามาถ่ายเพื่อนไม่เอาละวางทิ้งซะงั้น เอา iPAD ผมไปถืออย่างเดียวเลย ไม่ชอบใจก็บอกให้ผมถ่ายใหม่ๆ ดีเหมือนกันครับ ไม่มีคนมาขอดูหลังกล้อง ส่องไปส่องมากล้องจะหล่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น